วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเลือกสีเคลือบผิวงานไม้


• สีเป็นวัสดุสิ้นเปลือง มีคุณสมบัติแตกต่างกันตามชนิด และลักษณะของการใช้งาน ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก ส่วนมากแล้วเรามักจะเข้าใจกันโดยผิวเผินว่า สี นิยมใช้หรือเหมาะสำหรับการตกแต่ง เช่น การใช้สีกับเสื้อผ้า หรือการใช้สีทำการทาตกแต่งบ้าน
• จริง ๆ แล้วเราได้มีการนำสีมาใช้ในแง่มุมต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิเช่น นำมาใช้ในลักษณะของการป้องกัน เช่น ใช้ทาเพื่อป้องกันการกัดกินจากแมลงหรือมด ใช้ทาป้องกันเพื่อให้ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ป้องกันการเกิดสนิม เป็นต้น และมีการนำสีมาใช้เป็นสัญญาลักษณ์ต่าง ๆ เช่น สัญญาณไฟจราจร ใช้สีเพื่อแสดงความปลอดภัย และอันตรายในโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ สีทำให้เกิดความอบอุ่น การเร่งเร้า และระมัดระวัง เมื่อทาหรือแสดงไว้ ณ จุดใด จะเป็นที่รับรู้ และเข้าใจกันโดยทั่วไป จึงนับได้ว่าเป็นภาษาสากลอีกชนิดหนึ่ง จึงทำให้เกิดการเร้าจิตใจมนุษย์ ยิ่งนักเมื่อได้มองเห็น
>>วัตถุประสงค์ของการใช้สี<<
ผลิตภัณฑ์สีที่มีการผลิตและนำมาใช้งานกันในปัจจุบันนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ ดังนี้
1.ความสวยงามเป็นหลัก (Decorative Function) สีประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสีทาอาคาร เพื่อการ ตกแต่งให้ดูสวยงาม และน่าอยู่อาศัย
2.การปกป้องการผุกร่อนและการแปรสภาพพื้นผิว (Protective Function) สีประเภทนี้จะช่วยรักษาพื้นผิวจากเครื่องมือเครื่องใช้ เพื่อให้มีสภาพอายุการใช้งานยาวนาน เช่น กันความชื้น และกันแมลง
>>ประเภทของผิวเคลือบ<<
• งานแลคเกอร์ (Lacquer)
แลคเกอร์ ผลิตจากไนโตรเซลูโลส มีคุณสมบัติแห้งตัวไวมาก จึงถูกประยุกต์การใช้งานผ่านการพ่น มีความแข็งแรงและทนทานดี เมื่อแห้งตัวไว จึงเป็นข้อได้เปรียบเวลาทำงาน เพราะสามารถพ่นทับหลายๆรอบ และเสร็จงานเคลือบผิวได้ภายในวันเดียว

• งานขี้ผึ้ง (Wax)
แวกซ์สำหรับงานไม้ที่มีในท้องตลาด เป็นแวกซ์เหลว สามารถใช้เคลือบชิ้นงาน โดยไม่มีผลกระทบกับเฉดสีของไม้ ตัวแวกซ์เองมีความอ่อน จึงไม่ทนต่อรอยขีดข่วนหรือกันน้ำ จึงไม่เหมาะกับชิ้นงานที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ แต่ก็สามารถประยุกต์ใช้ทาทับผิวบนสุดของการเคลือบไม้แบบอื่นๆได้

• งานน้ำมัน (Oil)
การเคลือบน้ำมัน เป็นการเคลือบชิ้นงานที่ทำงานง่ายมาก เพียงแค่เช็ดน้ำมัน และใช้ผ้าเปล่าเช็ดซ้ำทุกๆรอบที่เคลือบ เนื่องจากเนื้อฟิลม์เคลือบมีความบาง และไม่สามารถป้องกันรอยได้ จึงเหมาะสำหรับผิวที่ไม่ต้องถูกสัมผัสใช้งานบ่อย เช่น กรอบรูป เป็นต้น

• งานวานิช (Varnish)
วานิช ผลิตจากการนำน้ำมันมาผสมกับเรซินสังเคราะห์ เช่น โพรียูริเทน, alkyd แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1.สปาวานิช (Spar varnish) เป็นวานิชที่มีสัดส่วนของน้ำมันมากกว่าเรซิน ทำให้มีคุณสมบัติผิวที่อ่อนตัว ดูไม่แข็งกระด้าง เหมาะสำหรับงานภายนอก และงานเกี่ยวกับน้ำเช่น เรือยอร์ช
2.วานิชภายใน (Indoor varnish) จะมีคุณสมบัติผิวที่แข็งมากกว่า เพราะมีสัดส่วนผสมของเรซินมากกว่าน้ำมัน การทาทับหลายๆครั้ง จึงสร้างฟิลม์ที่แข็งแรง ทนรอยขีดข่วนต่างๆ ได้แก่ โพลียูเรเทน มีให้เลือกทั้งแบบเงา, กึ่งเงาและ ด้าน

• กลุ่มผลิตภัณฑ์สูตรน้ำ (Water based)
กลุ่มนี้ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับลดความอันตรายและสารตกค้างจากการใช้ทินเนอร์ ซึ่งก็มีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ วานิช, โพลียูริเทน, แลคเกอร์ ข้อดีอีกข้อก็คือ ช่างสามารถล้างทำความสะอาดเครื่องมือด้วยน้ำเปล่าๆได้เลย ส่วนข้อควรระวังในการใช้กลุ่มสูตรน้ำ ก็คือ น้ำจะเป็นตัวดึงเสี้ยนไม้ให้ขึ้นมาระหว่างเคลือบผิว ส่งผลให้สารเคลือบลงไปไม่ลึกถึงเนื้อไม้เท่าๆการเคลือบแบบอื่น (ก็ต้องแก้ไขด้วยขัด และทาหลายๆรอบ เพื่อให้ซึมลงไป)
[[ลีโอวูดยินดีให้คำปรึกษาเรื่องไม้ สงสัยเรื่องงานไม้อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญงานไม้อย่าง ‪#‎ลีโอวูด‬ นะครับ]]
------------------------------------
‪#‎LEOWOOD‬ #ลีโอวูด ‪#‎Wood‬ ‪#‎Floor‬ ‪#‎Door‬ ‪#‎Stair‬
• Line : @Leowood
• IG : Leowoodonline
• FB : Leowoodthai
• Website : www.leowood.com
• Blogspot : http://leowoodonline.blogspot.com/
• Tel : 02-744-8000
ศูนย์รวมพื้นไม้ ประตู บันได สำหรับคนรักบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น